
ทุกปี หลายคนต้องเสียภาษีไม่ว่าจะเป็นพนักงานประจำ เจ้าของกิจการ หรือผู้มีรายได้อิสระ แต่เชื่อหรือไม่ว่า หลายคนยังไม่เข้าใจว่า “ภาษีที่เราจ่ายอยู่คือภาษีประเภทใด” ทำให้กรอกรายละเอียดผิดตอนยื่นแบบภาษี จนกลายเป็นการเสียภาษีไม่ครบ หรือเสียเกินความจำเป็น นำไปสู่ปัญหาตามมา เช่น ต้องเสียค่าปรับ หรือถูกเรียกตรวจสอบย้อนหลัง การรู้จักประเภทของภาษีจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนควรเข้าใจ เพื่อจะได้จัดการภาษีได้อย่างถูกต้องและวางแผนทางการเงินได้ดียิ่งขึ้น
ประเภทของภาษี
ภาษีในประเทศไทยแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่ ภาษีทางตรง และ ภาษีทางอ้อม ซึ่งแต่ละแบบมีหลักการจัดเก็บและผู้รับภาระภาษีแตกต่างกัน ดังนี้
1. ภาษีทางตรง (Direct Tax)
คือภาษีที่รัฐจัดเก็บโดยตรงจากผู้มีรายได้หรือทรัพย์สิน โดยผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีเป็น “ผู้รับภาระภาษีโดยตรง” ไม่สามารถผลักภาระไปให้ผู้อื่นได้ ตัวอย่างเช่น
- ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ภาษีที่จัดเก็บจากรายได้ของบุคคล เช่น เงินเดือน ค่าจ้าง โบนัส ค่าบริการ ดอกเบี้ย หรือค่าเช่าทรัพย์สิน ผู้ที่มีรายได้ถึงเกณฑ์ตามที่กรมสรรพากรกำหนดจะต้องยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (แบบ ภ.ง.ด.90 หรือ ภ.ง.ด.91) ทุกปีภายในเดือนมีนาคมของปีถัดไป ตัวอย่างเช่น
→ พนักงานบริษัทที่มีเงินเดือนประจำ
→ ฟรีแลนซ์หรือผู้รับจ้างอิสระที่มีรายได้จากการให้บริการ
→ เจ้าของห้องเช่าหรือผู้ปล่อยกู้ที่ได้รับดอกเบี้ย
→ ภาษีประเภทนี้สะท้อนรายได้ของแต่ละบุคคลจริง ๆ ยิ่งรายได้มาก ก็จะเสียภาษีมากตามอัตราก้าวหน้า
- ภาษีเงินได้นิติบุคคล
เป็นภาษีที่จัดเก็บจากกำไรสุทธิของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล เช่น บริษัทจำกัด ห้างหุ้นส่วนจำกัด เป็นต้น โดยบริษัทต้องยื่นแบบภาษีและชำระเงินภายในเวลาที่กำหนด โดยกิจการที่แตกต่างกัน จะมีอัตราภาษีที่แตกต่างกันตามไปด้วย
→ กิจการ SMEs ที่มีรายได้จากการขายสินค้าหรือให้บริการในรอบบัญชี ไม่เกิน 30 ล้านบาท และทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วของกิจการไม่เกิน 5 ล้านบาท โดยอัตราภาษีจะเริ่มต้นจากได้รับการยกเว้นภาษี ไปจนถึง 20%
→ กิจการทั่วไป ที่มีทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วเกิน 5 ล้านบาท หรือรายได้มากกว่า 30 ล้านบาทต่อรอบบัญชี ซึ่งจะมีอัตราภาษีเดียว คือ 20%
นิติบุคคลต้องจัดทำบัญชีแสดงรายรับรายจ่ายให้ถูกต้องตามมาตรฐาน เพื่อคำนวณกำไรสุทธิที่แท้จริงก่อนนำมาคิดภาษี
- ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง
→ ภาษีที่จัดเก็บจากเจ้าของที่ดิน อาคาร หรือสิ่งปลูกสร้างอื่น ๆ ซึ่งถูกนำมาใช้แทนภาษีโรงเรือนและที่ดิน และภาษีบำรุงท้องที่แบบเดิม มีทั้งหมด 4 ประเภทด้วยกัน
→ ภาษีที่ดินเพื่อการเกษตรกรรม เช่น ทำนา ทำไร่ ทำสวน เลี้ยงสัตว์ เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และกิจการอื่นตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงการคลังกำหนด
→ ภาษีที่ดินเพื่อการอยู่อาศัย ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัยหลัก โดยเจ้าของมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน จะได้รับการยกเว้นภาษีสำหรับมูลค่า 50 ล้านบาทแรก ส่วนที่เกินจะเสียภาษีในอัตราที่กำหนด
→ ภาษีที่ดินเพื่อการพาณิชยกรรม อุตสาหกรรม หรือกิจการอื่นเพื่อหารายได้ เช่น โรงงาน โรงแรม ร้านค้า อาคารสำนักงาน เป็นต้น จะต้องเสียภาษีในอัตราที่สูงกว่าการใช้ประโยชน์ประเภทอื่น เพื่อให้เจ้าของใช้ที่ดินอย่างคุ้มค่า
→ ภาษีที่ดินรกร้างหรือไม่ได้ใช้ประโยชน์ จะต้องเสียภาษีในอัตราที่สูงที่สุด เพื่อกระตุ้นให้เจ้าของนำที่ดินไปใช้ประโยชน์
2. ภาษีทางอ้อม (Indirect Tax)
ภาษีที่ผู้มีหน้าที่เสียภาษีสามารถผลักภาระไปให้ผู้อื่นได้ โดยมักจะรวมอยู่ในราคาสินค้าหรือบริการ ทำให้ผู้บริโภคเป็นผู้จ่ายภาษีทางอ้อม ตัวอย่างเช่น
- ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)
เป็นการเก็บภาษีจากการขายสินค้า หรือการให้บริการในแต่ละขั้นตอนการผลิต และจำหน่ายสินค้าหรือบริการ ทั้งที่ผลิต ภายในประเทศและนำเข้าจากต่างประเทศ โดยผู้ประกอบการที่ขายสินค้าหรือให้บริการที่มีมูลค่าเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี จะต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยอัตราที่ผู้ประกอบการจะเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มกับผู้บริโภคในประเทศไทยคือ 7%
- ภาษีสรรพสามิต
ภาษีที่จัดเก็บจากสินค้าหรือบริการบางประเภทที่กำหนดไว้เป็นพิเศษ เช่น สุรา ยาสูบ น้ำมัน รถยนต์ เป็นต้น โดยผู้บริโภคจะรับภาระภาษีนี้ผ่านราคาสินค้าที่สูงขึ้น
- อากรขาเข้า
ภาษีที่เรียกเก็บจากสินค้าที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศและสร้างรายได้ให้รัฐ ผู้นำเข้าสินค้าต้องชำระอากรขาเข้าต่อกรมศุลกากร ตัวอย่างเช่น
→ ผู้นำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า หรืออาหารจากต่างประเทศ
→ บริษัทที่นำเข้าชิ้นส่วนอุปกรณ์มาประกอบสินค้าในไทย
อย่างไรก็ตาม แม้อากรขาเข้าจะเป็นภาระของผู้นำเข้า แต่เมื่อสินค้าเข้าสู่ตลาด ราคาที่ขายให้ผู้บริโภคก็มักจะรวมภาษีส่วนนี้ไว้แล้วเช่นกัน
ใครบ้างต้องเสียภาษี
| ประเภทของภาษี | ผู้ที่ต้องเสียภาษี | ตัวอย่าง |
|---|---|---|
| ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา | บุคคลที่มีรายได้ถึงเกณฑ์ | พนักงานประจำ ฟรีแลนซ์ เจ้าของห้องเช่า |
| ภาษีเงินได้นิติบุคคล | บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล | บริษัทจำกัด ห้างหุ้นส่วนจำกัด |
| ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง | เจ้าของที่ดิน อาคาร หรือบ้าน | ผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างในชื่อของตน |
| ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) | ทางตรง >> ผู้ประกอบการที่ขายสินค้า/บริการเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ทางอ้อม >> ผู้บริโภค |
ร้านอาหาร บริษัททัวร์ ธุรกิจเสื้อผ้า |
| ภาษีสรรพสามิต | ทางตรง >> ผู้ผลิต ผู้นำเข้าสินค้าควบคุม ทางอ้อม >> ผู้บริโภค |
ผู้ผลิตเบียร์ รถยนต์ บุหรี่ |
| อากรขาเข้า | ทางตรง >> ผู้นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ ทางอ้อม >> ผู้บริโภค |
บริษัทนำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้า |
เมื่อเข้าใจประเภทของภาษีแล้ว จะเห็นว่าทุกคนล้วนเกี่ยวข้องกับ “ภาษี” ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ทั้งในฐานะผู้เสียภาษีหรือผู้บริโภคสินค้าและบริการ และนอกจากจะรู้ประเภทของภาษีแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ทุกคนควรรู้เมื่อต้องวางแผนเสียภาษีคือ “รายได้” ซึ่งหากได้รับในจำนวนไม่เท่ากัน ก็ย่อมเสียภาษีต่างกันไปด้วย ไปคำนวณรายได้สำหรับเสียภาษีแบบง่าย ๆ ที่บทความ “เงินเดือนเท่าไร ต้องเสียภาษี” คลิก https://www.ocean.co.th/articles/how-much-tax-do-you-have-to-pay
อ้างอิง :
https://www.rd.go.th/fileadmin/download/insight_pasi/Art_book_N1_Real.pdf
https://www.excise.go.th/cs/groups/public/documents/document/mjaw/mdm2/~edisp/webportal16200036213.pdf