เจาะลึกประกันมะเร็ง คุ้มครองครอบคลุมอะไรบ้าง

ในปัจจุบัน แม้วิวัฒนาการทางการแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาโรคมะเร็งจะก้าวหน้าขึ้นไปมากแล้ว โดยมีทั้งการรักษาแบบผ่าตัด เคมีบำบัด การฉายแสง และยามุ่งเป้า ที่ช่วยให้ผู้ป่วยมีโอกาสหายเป็นปกติได้ อย่างไรก็ตาม วิวัฒนาการที่สูงขึ้น ก็อาจมาพร้อมกับค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นด้วย (ดูค่าใช้จ่ายคร่าว ๆ ได้ ที่นี่) ทำให้ผู้ป่วยและครอบครัวต้องแบกรับค่ารักษา จนกระทบกับชีวิตส่วนตัว ดังนั้น หากยังไม่เคยเจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็งมาก่อน ก็ควรทำประกันมะเร็งเอาไว้ เพื่อรับมือกับความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต

ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจความคุ้มครองของประกันมะเร็งกันดีกว่า
 

ประกันมะเร็งคืออะไร ให้ความคุ้มครองอย่างไร 

ประกันมะเร็ง คือประกันที่ให้ความคุ้มครองเมื่อผู้เอาประกันภัยได้รับการวินัจฉัยว่าเป็นมะเร็ง ซึ่งมักอยู่ในรูปแบบของสัญญาเพิ่มเติมโรคร้ายแรง หรือที่เรียกกันว่าประกันโรคร้ายแรง ที่ให้ความคุ้มครองโรคร้ายแรงต่าง ๆ รวมถึงโรคมะเร็ง ตามที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ อย่างไรก็ตาม ความคุ้มครองสำหรับโรคมะเร็งของประกันโรคร้ายแรงแต่ละประเภทอาจแตกต่างกันออกไป สำหรับบทความนี้ ขอยกตัวอย่างประกันโรคร้ายแรง “โอเชี่ยนไลฟ์ ซูเปอร์ ซีไอ 120” ที่ให้ความคุ้มครองโรคร้ายแรงสูงสุด 120 โรค รวมถึงโรคมะเร็ง ซึ่งให้ความคุ้มครองครอบคลุมดังนี้

• คุ้มครองทั้งโรคมะเร็งระยะเริ่มต้น และระยะรุนแรง อ่านเกี่ยวกับระยะของโรคมะเร็งได้ที่นี่
• สำหรับเพศชาย หากตรวจพบว่าเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งตับและท่อน้ำดี หรือมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก ในระยะลุกลาม จะได้รับความคุ้มครองพิเศษเพิ่ม
• สำหรับเพศหญิง หากตรวจพบว่าเป็นโรคมะเร็งเต้านม มะเร็งปอด มะเร็งตับและท่อน้ำดี มะเร็งปากมดลูก หรือมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก จะได้รับความคุ้มครองพิเศษเพิ่มเช่นกัน

เมื่อตรวจพบโรคมะเร็งดังกล่าว บริษัทประกันจะให้ความคุ้มครองในลักษณะ “เงินก้อน” ตามจำนวนที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์ ซึ่งผู้ป่วยสามารถนำเงินก้อนนี้ไปใช้จ่ายได้อย่างอิสระ จะใช้เป็นค่ารักษาพยาบาล หรือค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำก็ได้
 

หากตรวจเจอมะเร็ง ต้องติดต่อบริษัทประกันอย่างไร

1. ผู้เอาประกันภัยหรือตัวแทนของผู้เอาประกันภัย จะต้องบอกกล่าวเป็นลายลักษณ์อักษรให้บริษัททราบภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ผู้เอาประกันภัยได้รับการวินิจฉัยและหรือยืนยันจากแพทย์ว่าป่วยด้วยโรคมะเร็งที่กรมธรรม์ให้ความคุ้มครอง เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่ามีเหตุจำเป็นอันสมควรซึ่งไม่อาจแจ้งให้บริษัททราบ กรณีที่มีเหตุจำเป็นไม่สามารถบอกกล่าวบริษัท ได้ภายในกำหนด ให้บอกกล่าวไปยังบริษัทโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ จะได้ไม่ทำให้สิทธิในการเรียกร้องความคุ้มครองเสียไป

2. ผู้เอาประกันภัยหรือตัวแทนของผู้เอาประกันภัย ต้องส่งหลักฐานรายงานผลการตรวจและวินิจฉัยของแพทย์ตามที่จำเป็นต่อการพิจารณาแต่ละโรคร้ายแรงภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ผู้เอาประกันภัยได้รับการวินิจฉัยและหรือยืนยันจากแพทย์ว่าป่วยด้วยโรคมะเร็งที่ให้ความคุ้มครองตามกรมธรรม์ ทั้งนี้ การไม่ส่งหลักฐานภายในระยะเวลาดังกล่าวไม่ทำให้สิทธิในการเรียกร้องเสียไป หากแสดงให้เห็นได้ว่ามีเหตุอันสมควรที่ไม่สามารถส่งหลักฐานดังกล่าวได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด แต่ได้ส่งโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะกระทำได้แล้ว

เตรียมตัวให้พร้อมสู้โรคมะเร็ง โรคร้ายที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดฝัน และเกิดขึ้นได้ทุกเพศ ทุกวัย กับประกันมะเร็งพร้อมความคุ้มครองโรคร้ายแรงรวมสูงถึง 120 โรคกับ  “โอเชี่ยนไลฟ์ ซูเปอร์ ซีไอ 120” 

• ครอบคลุมโรคร้ายทุกระยะรวมสูงสุด 700% โดยบริษัทจะจ่ายผลประโยชน์สูงสุดต่อกลุ่มโรคร้ายแรงไม่เกิน 100% รวมผลประโยชน์สูงสุดไม่เกิน 600%และคุ้มครองเพิ่มเติมสำหรับกลุ่มความคุ้มครองพิเศษของโรคมะเร็งระยะลุกลามกลุ่มที่ 1*
• ไม่ต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยต่อ เมื่อเคลมครบ 100% ในกลุ่มโรคใดกลุ่มโรคหนึ่ง**
• เบี้ยประกันสุขภาพสามารถนำไปอ้างอิงลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสูงสุดไม่เกิน 25,000 บาทต่อปี ตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด

สนใจประกันมะเร็งและโรคร้ายแรง โอเชี่ยนไลฟ์ ซูเปอร์ ซีไอ 120 คลิก

ข้อควรทราบ : 

*ในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งในกลุ่มโรคมะเร็งระยะลุกลามสำหรับเพศหญิง หรือเพศชาย (5 โรค) จะได้รับความคุ้มครองจากกลุ่มโรคมะเร็ง 100% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย และได้รับความคุ้มครองจากกลุ่มความคุ้มครองพิเศษของโรคมะเร็งระยะลุกลามในกลุ่มที่ 1 สูงสุด 100% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย รวมสูงสุด 200% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย

**ในกรณีที่ผู้เอาประกันภัยได้รับความคุ้มครองโรคร้ายแรงครบ 100% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย ในกลุ่มโรคใดกลุ่มโรคหนึ่งแล้ว สัญญาเพิ่มเติมให้ความคุ้มครองกลุ่มโรคดังกล่าวเป็นอันสิ้นสุดลง แต่ความคุ้มครองในกลุ่มโรคอื่นๆ จะยังคงคุ้มครองอยู่ 

• % หมายถึง เปอร์เซ็นต์ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
• การรับประกันภัยเป็นไปตามเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ที่บริษัทฯ กำหนด
• ความคุ้มครองและการจ่ายผลประโยชน์ต่าง ๆ เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์
• เบี้ยประกันสุขภาพ สามารถนำไปอ้างอิงลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด 
• ผู้เอาประกันภัยที่ประสงค์จะนำเบี้ยประกันสุขภาพไปอ้างอิงลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต้องแจ้งความประสงค์และยินยอมให้บริษัท นำส่งข้อมูลเบี้ยประกันสุขภาพให้กรมสรรพากร
• การนำส่งเบี้ยประกันภัยเป็นหน้าที่ของผู้เอาประกันภัย การที่ที่ปรึกษาประกันชีวิต (ตัวแทนประกันชีวิต)มาเก็บเบี้ยประกันภัยเป็นการให้บริการเท่านั้น
• ข้อมูลในเอกสารนี้เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นของผลิตภัณฑ์ประกันภัย ผู้ขอเอาประกันภัย/ผู้เอาประกันภัยควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม และทำความเข้าใจในรายละเอียดเงื่อนไขความคุ้มครอง ผลประโยชน์และข้อยกเว้น ก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง เมื่อได้รับกรมธรรม์แล้วโปรดศึกษาเพิ่มเติม