แม้ว่าในปัจจุบันจะมีลู่ทางในการลงทุนที่หลากหลายและให้ผลตอบแทนสูงมากอย่าง คริปโตเคอเรนซี แต่สถานการณ์บนโลกใบนี้ก็มีความผันผวนสูงตามไปด้วย จนผู้คนกลับมาให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่มีความเสี่ยงต่ำ โดยเฉพาะ "ประกันสะสมทรัพย์" และ "เงินฝากประจำ" ซึ่งเป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับผู้ที่ต้องการวางแผนการเงินทั้งในระยะสั้น กลาง และยาว ทั้งสองแบบมีจุดร่วมคือความเสี่ยงต่ำและมีผลตอบแทนที่แน่นอน แต่ก็มีลักษณะที่แตกต่างกันหลายแง่ หากใครกำลังมองหาทางเลือกในการออมเงินที่ความเสี่ยงต่ำ บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจความแตกต่างของทั้ง 2 ผลิตภัณฑ์ได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ประกันสะสมทรัพย์คืออะไร
ประกันสะสมทรัพย์ (Endowment Insurance) คือผลิตภัณฑ์ที่ผสานคุณสมบัติของ "การออมทรัพย์" และ "การประกันชีวิต" เข้าไว้ด้วยกัน ผู้เอาประกันจะต้องชำระเบี้ยประกันภัยตามระยะเวลาที่กำหนด เช่น 4 ปี 10 ปี หรือ 12 ปี และเมื่อครบกำหนดสัญญา จะได้รับเงินคืนตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ พร้อมผลประโยชน์เพิ่มเติม เช่น เงินปันผลในบางแบบประกัน และยังสามารถนำเบี้ยประกันภัยไปอ้างอิงลดหย่อนภาษีได้ตามเงื่อนไขของกรมสรรพากรอีกด้วย
นอกจากนี้ หากเกิดเหตุไม่คาดฝัน จนทำให้เสียชีวิตในระหว่างสัญญา ผู้รับผลประโยชน์จะได้รับเงินชดเชยตามเงื่อนไขของกรมธรรม์อีกด้วย
เงินฝากประจำคืออะไร
เงินฝากประจำ (Fixed Deposit) คือการฝากเงินไว้กับธนาคารเป็นระยะเวลาหนึ่ง เช่น 3 เดือน 6 เดือน 1 ปี หรือมากกว่านั้น โดยจะมีการกำหนดอัตราดอกเบี้ยตายตัว ผู้ฝากไม่สามารถถอนเงินก่อนครบกำหนดได้โดยไม่เสียผลประโยชน์
เงินฝากประจำมี 2 ประเภทหลัก ได้แก่
1. เงินฝากประจำแบบทั่วไป
เป็นการฝากเงินที่ไม่สามารถถอนก่อนระยะเวลาที่กำหนดไว้ได้ เช่น 6 เดือน 12 เดือน หรือ 24 เดือน เป็นต้น ซึ่งอาจเป็นการฝากเงินเพียงครั้งเดียว หรือหลายครั้งก็ได้ ขึ้นอยู่กับธนาคารเป็นผู้กำหนด โดยเมื่อครบกำหนดระยะเวลาที่ตกลงไว้กับธนาคารแล้ว จึงจะสามารถถอนเงินต้นที่ฝากไว้และดอกเบี้ยออกมาได้ โดยดอกเบี้ยที่ได้รับจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย จำนวน 15%
สำหรับเปอร์เซ็นต์ของดอกเบี้ยเงินฝากประจำแบบทั่วไปนั้น จะขึ้นอยู่กับแต่ละธนาคารเป็นผู้กำหนด ซึ่งจะเป็นดอกเบี้ยประเภทคงที่ โดยยิ่งธนาคารกำหนดจำนวนเงินฝากที่ค่อนข้างสูง ดอกเบี้ยที่ได้ก็จะยิ่งสูงตามไปด้วย เช่น ธนาคาร A กำหนดเงินฝากขั้นต่ำครั้งแรกสำหรับเงินฝากประจำแบบ 6 เดือนจำนวน 5,000 บาท สำหรับการฝากครั้งต่อ ๆ ไป มีขั้นต่ำอยู่ที่ 1,000 บาท โดยธนาคารจะให้ดอกเบี้ยสูงสุด 0.9% แต่สำหรับเงินฝากประจำแบบ 60 เดือน ธนาคาร A กำหนดเงินฝากขั้นต่ำครั้งแรกและครั้งต่อ ๆ ไปไม่ต่ำกว่า 10,000 บาท โดยจะให้ดอกเบี้ยสูงสุดถึง 1.60% เป็นต้น
โดยรวมแล้ว เงินฝากประจำแบบทั่วไป จะให้ดอกเบี้ยสูงกว่าเงินฝากออมทรัพย์
2. เงินฝากประจำแบบปลอดภาษี (หรือเงินฝากประจำรายเดือน)
เป็นการฝากเงินในจำนวนที่เท่ากันทุกเดือน ต่อเนื่องกันตามระยะเวลาที่กำหนด เช่น 24 เดือน 36 เดือน เป็นต้น นอกจากนั้น ดอกเบี้ยของเงินฝากประจำรายเดือนที่ได้รับจะไม่ถูกหักภาษี หากฝากครบตามเงื่อนไข
ตัวอย่าง ธนาคาร B มีผลิตภัณฑ์เงินฝากประจำแบบปลอดภาษีระยะเวลา 24 เดือน โดยกำหนดจำนวนเงินฝากขั้นต่ำ 1,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 25,000 บาท และกำหนดดอกเบี้ยสูงถึง 2.3% หากเปิดบัญชีเงินฝากนี้ด้วยเงินจำนวน 5,000 บาท (ไม่รวมค่าบริการ) ในเดือนต่อ ๆ ไป จะต้องฝากเงินด้วยจำนวนที่เท่ากันนี้จนครบกำหนด 24 เดือน ซึ่งเมื่อถึงระยะเวลาที่ครบกำหนดแล้ว จึงจะสามารถถอนเงินต้นและดอกเบี้ยได้
ข้อแตกต่าง 4 ด้านของประกันสะสมทรัพย์ และเงินฝากประจำ
ข้อแตกต่าง | ประกันสะสมทรัพย์ | เงินฝากประจำ |
---|---|---|
ผลประโยชน์ | ได้รับเงินคืนเมื่อครบสัญญาพร้อมผลตอบแทนอื่น เช่น เงินคืนระหว่างสัญญา, เงินปันผล (ถ้ามี) ตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ | ได้รับดอกเบี้ยตามอัตราที่ตกลงไว้กับธนาคาร |
ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิต | มีความคุ้มครองชีวิต หากเสียชีวิตก่อนครบกำหนดสัญญา ผู้รับผลประโยชน์จะได้รับเงินผลประโยชน์ ตามที่ระบุไว้ตามกรมธรรม์ | ไม่มีความคุ้มครองชีวิต |
สิทธิประโยชน์ทางภาษี | เบี้ยประกันภัยนำไปลดหย่อนภาษีได้ (ตามเงื่อนไขกรมสรรพากร) และเงินคืนที่ได้รับจากประกันชีวิตจะไม่ถูกหักภาษี | ดอกเบี้ยจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายจำนวน 15% (ยกเว้น เงินฝากประจำปลอดภาษี) |
การชำระเบี้ยประกันภัย/การฝากเงิน | ชำระเบี้ยประกันภัยเป็นงวดตามระยะเวลา เช่น รายปี รายเดือน | ฝากเงินครั้งเดียวหรือหลายครั้ง หรือเป็นรายเดือนตามประเภทเงินฝากประจำ |
ทั้งประกันสะสมทรัพย์และเงินฝากประจำต่างก็มีข้อดีในตัวเอง แต่หากพิจารณาถึง "ความคุ้มค่ารอบด้าน" แล้ว ประกันสะสมทรัพย์ดูจะตอบโจทย์มากกว่า เพราะนอกจากจะได้รับเงินคืนที่แน่นอน ไม่ต้องคอยเช็กอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ที่ธนาคารอาจประกาศหลายรอบในแต่ละปี นอกจากนี้ ประกันสะสมทรัพย์ ยังมีความคุ้มครองชีวิตที่ช่วยเพิ่มความอุ่นใจให้กับคนที่อยู่ข้างหลัง อีกทั้งยังสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการวางแผนภาษีได้อีกด้วย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการออมเงินด้วยประกันชีวิตอย่างมีเป้าหมาย พร้อมสร้างหลักประกันให้คนที่รักในเวลาเดียวกัน
สำหรับผู้ที่กำลังมองหาประกันสะสมทรัพย์ OCEAN LIFE ไทยสมุทรขอแนะนำ โอเชี่ยนไลฟ์ ออมสบาย 10/4 ที่ให้ผลประโยชน์ดังนี้
- รับเงินคืนสูง 20% ตั้งแต่ ปีที่ 1- 9
- ครบสัญญารับเงินคืนอีก 269%
- รวมตลอดสัญญารับเงินคืนสูงถึง 449%
- ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้สูงสุด 100,000 บาท
สนใจ โอเชี่ยนไลฟ์ ออมสบาย 10/4 คลิก
ข้อควรทราบ :
- % หมายถึง เปอร์เซ็นต์ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
- การรับประกันภัยเป็นไปตามเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ที่บริษัทกำหนด
- ความคุ้มครองและการจ่ายผลประโยชน์ต่าง ๆ เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์
- เบี้ยประกันชีวิตสามารถนำไปอ้างอิงลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด
- ผู้เอาประกันภัยที่ประสงค์จะนำเบี้ยประกันชีวิตไปอ้างอิงลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ต้องแจ้งความประสงค์และยินยอมให้บริษัทนำส่งข้อมูลเบี้ยประกันชีวิตให้กรมสรรพากร
- ข้อมูลในเอกสารนี้เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นของผลิตภัณฑ์ประกันภัย ผู้ขอเอาประกันภัย/ผู้เอาประกันภัยควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและทำความเข้าใจในรายละเอียดเงื่อนไขความคุ้มครอง ผลประโยชน์ และข้อยกเว้น ก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้งเมื่อได้รับกรมธรรม์แล้วโปรดศึกษาเพิ่มเติม