เมื่อเข้าสู่ช่วงปลายปี สิ่งที่คนทำงานมีรายได้ไม่ควรมองข้ามคือ การวางแผนลดหย่อนภาษีเพื่อเตรียมยื่นในปีถัดไป โดยหนึ่งในทางเลือกที่ได้รับความนิยมคือ ‘การซื้อประกันสะสมทรัพย์’ เพราะนอกจากจะช่วยสร้างวินัยทางการเงินแล้ว ยังสามารถใช้สิทธิลดหย่อนภาษีได้ด้วย ปี 2568 นี้ บริษัทประกันได้ออกแผนประกันสะสมทรัพย์หลากหลายแบบ ซึ่งแต่ละแบบมีจุดเด่นและเงื่อนไขแตกต่างกันไป ดังนั้นก่อนตัดสินใจจึงควรทำความเข้าใจและเปรียบเทียบประกันสะสมทรัพย์ให้รอบด้าน เพื่อหาตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดกับเป้าหมายทางการเงินและสิทธิประโยชน์ทางภาษีของคุณ
ทำไมควรเปรียบเทียบประกันสะสมทรัพย์ก่อนซื้อ
หลายคนมักเข้าใจว่า ประกันสะสมทรัพย์ทุกแบบให้ผลลัพธ์เหมือนกัน แต่ในความจริงแล้วมีรายละเอียดแตกต่างกัน หากไม่ได้เปรียบเทียบก่อนซื้อ อาจเกิดความเข้าใจผิด เช่น คิดว่าจะได้เงินคืนทุกปี แต่จริง ๆ ต้องรอหลายปี หรือคาดหวังผลประโยชน์สูง แต่สุดท้ายได้รับน้อยกว่าที่คิด การเปรียบเทียบจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราเลือกแผนที่ตรงกับเป้าหมายมากที่สุด
สิ่งที่ควรใช้เปรียบเทียบก่อนซื้อประกันสะสมทรัพย์
1. ระยะเวลาการชำระเบี้ยประกันภัย
ก่อนเลือกซื้อประกันสะสมทรัพย์ ควรพิจารณาเรื่องระยะเวลาการจ่ายเบี้ยเป็นสำคัญ เพราะแต่ละแบบมีเงื่อนไขแตกต่างกัน เช่น
- แบบจ่ายเบี้ยสั้น จ่ายเพียง 4 ปี แต่คุ้มครองยาวถึง 10 ปี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการวางแผนการเงินระยะสั้น จ่ายครบเร็ว และให้กรมธรรม์มีผลบังคับต่อเนื่อง
- แบบจ่ายเบี้ยยาว เช่น จ่าย 15 ปี แต่คุ้มครองนาน 20 ปี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างวินัยการออมเงินในรูปแบบประกันชีวิตเพื่อเป้าหมายระยะยาว บางแบบประกัน เบี้ยรายปีอาจต่ำกว่าแบบจ่ายเบี้ยระยะสั้น จึงตอบโจทย์กับคนที่อยากแบ่งเบาภาระการเงิน ไม่ให้กระทบค่าใช้จ่ายด้านอื่น
2. ระยะเวลาคุ้มครอง
หากต้องการได้เงินก้อนไว ๆ อาจซื้อประกันสะสมทรัพย์ที่มีระยะเวลาคุ้มครองสั้น ๆ ได้ แต่ถ้าไม่รีบใช้เงินก้อน และต้องการความคุ้มครองชีวิตด้วย ประกันสะสมทรัพย์ที่มีระยะเวลาคุ้มครองยาว ๆ ก็อาจจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า
นอกจากนั้น หากเป็นประกันสะสมทรัพย์ที่ให้ความคุ้มครองอย่างน้อย 10 ปี นอกจากจะช่วยในการวางแผนการเงินแล้ว ยังสามารถใช้ในการลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย
3. เงินคืนระหว่างสัญญา
การให้เงินคืนระหว่างสัญญาของประกันสะสมทรัพย์นั้น มักกำหนดเป็นเปอร์เซ็นต์ (%) ของจำนวนเงินเอาประกันภัย เช่น กำหนดว่าจะให้เงินคืนระหว่างสัญญา 3% ของจำนวนเงินเอาประกันภัย เป็นต้น ซึ่งแต่ละแบบประกันจะกำหนดไม่เท่ากัน นอกจากนั้น ความถี่ในการให้เงินคืนระหว่างสัญญาของแต่ละแบบประกันก็อาจจะแตกต่างกันออกไปด้วย บางแบบอาจให้เงินคืนทุกปี ในขณะที่อีกแบบ ให้เงินคืนทุก ๆ 3 ปี หากเรามีจุดประสงค์ในการนำงินคืนไปจ่ายค่าเบี้ยประกันภัยของปีกรมธรรม์ต่อ ๆ ไป การเลือกประกันสะสมทรัพย์ที่ให้เงินคืนระหว่างสัญญาทุกปี ก็อาจเหมาะสมมากกว่า
นอกจากนั้น ยังมีประกันสะสมทรัพย์ ที่ให้เงินคืนจำนวนมากขึ้นในแต่ละปีด้วย เช่น ปีที่ 1-6 ให้เงินคืน 20% ต่อมาในปีที่ 7-9 ให้เงินคืนสูง 100% เป็นต้น
4. เงินครบกำหนดสัญญา
ถือเป็นผลประโยชน์ก้อนใหญ่ที่หลายคนรอคอย จึงควรพิจารณาว่าตรงกับเป้าหมายการออมของเราหรือไม่ เช่น เพื่อเกษียณ เพื่อเป็นกองทุนการศึกษาให้กับบุตรหลาน เพื่อเป็นเงินดาวน์รถ เป็นต้น
เปรียบเทียบประกันสะสมทรัพย์ 4 แบบ 4 สไตล์ จาก OCEAN LIFE ไทยสมุทรประกันชีวิต
สิ่งที่ใช้เปรียบเทียบ | ประกันสะสมทรัพย์ | |||
โอเชี่ยนไลฟ์ ออมสบาย 10/4 คลิก |
โอเชี่ยนไลฟ์ ซูเปอร์ รีเทิร์น 10/5 คลิก |
โอเชี่ยนไลฟ์ เซฟ แอนด์ โพรเทค 88/8 คลิก |
เซฟรับทรัพย์ คุ้มกระจาย 15/8 คลิก |
|
ระยะเวลาชำระเบี้ย ประกันภัย |
4 ปี | 5 ปี | 8 ปี | 8 ปี |
ระยะเวลาเอาประกันภัย | 10 ปี | 10 ปี | ถึงผู้เอาประกันภัย อายุครบ 88 ปี |
15 ปี |
เงินคืนระหว่างสัญญา | รับเงิน 20% ทุกปี ณ สิ้นปี กรมธรรม์ที่ 1-9 |
รับเงิน 20% ณ สิ้นปีกรมธรรม์ ที่ 1-6 รับเงิน 100% ณ สิ้นปีกรมธรรม์ ที่ 7-9 |
รับเงินคืน 8.8% ณ สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 1 ถึงสิ้นปีกรมธรรม์ที่ผู้เอาประกันภัย อายุครบ 87 ปี |
รับเงินคืน 10% ณ สิ้นปี กรมธรรม์ที่ 1-8 รับเงินคืน 12% ณ สิ้นปีกรมธรรม์ที่ 9-14 |
เงินครบกำหนดสัญญา | 269% | 110% | 800% | 800% |
การเลือกซื้อประกันสะสมทรัพย์ปี 2568 ไม่ควรเลือกจากผลิตภัณฑ์หรือโปรโมชั่นเพียงอย่างเดียว แต่ควรนำเงื่อนไขสำคัญม าวิเคราะห์เปรียบเทียบ เพื่อให้มั่นใจว่าแบบประกันที่เลือกจะตอบโจทย์ทั้งเรื่องการออม การคุ้มครอง และสิทธิประโยชน์ทางภาษี การวางแผนอย่างรอบคอบตั้งแต่ปลายปีนี้ จะทำให้การยื่นภาษีในปี 2569 เป็นไปอย่างมั่นใจ พร้อมทั้งช่วยสร้างอนาคตทางการเงินที่มั่นคงมากขึ้นด้วย
ข้อควรทราบ :
- % หมายถึง เปอร์เซ็นต์ของจำนวนเงินเอาประกันภัย
- การรับประกันภัยเป็นไปตามเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ที่บริษัทฯ กำหนด
- ความคุ้มครองและการจ่ายผลประโยชน์ต่าง ๆ เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์
- เบี้ยประกันชีวิตสามารถนำไปอ้างอิงลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด
- ผู้เอาประกันภัยที่ประสงค์จะนำเบี้ยประกันชีวิตไปอ้างอิงลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ต้องแจ้งความประสงค์และยินยอมให้บริษัทฯ นำส่งข้อมูลเบี้ยประกันชีวิตให้กรมสรรพากร
- โปรดทำความเข้าใจเงื่อนไข ความคุ้มครองก่อนตัดสินใจทำประกันทุกครั้ง