ภัยมาไว คุณพร้อมแค่ไหน มาจัดกระเป๋าและเสบียงฉุกเฉินให้พร้อมกันเถอะ !

กระเป๋าฉุกเฉิน, เสบียงฉุกเฉิน
 

ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยเริ่มเผชิญภัยพิบัติบ่อยครั้งและมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น ทั้งเหตุการณ์แผ่นดินไหวหลายจังหวัดในภาคเหนือ แผ่นดินไหวในกรุงเทพฯ ไปจนถึง เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในหลายจังหวัด รวมทั้งที่อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ส่งผลให้ผู้คนต้องอพยพ หรือใช้ชีวิตอย่างยากลำบากเป็นระยะเวลานาน ปัจจัยเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า “ภัยพิบัติอยู่ใกล้ตัวกว่าที่คิด” และสามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่ทันตั้งตัว

ดังนั้น การเตรียม กระเป๋าฉุกเฉิน (Emergency Go Bag) สำหรับการอพยพ และ เสบียงฉุกเฉิน (Emergency Supplies) สำหรับการใช้ชีวิตในบ้านเมื่อถูกตัดขาดจนออกไปไหนไม่ได้ จึงไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป แต่เป็นสิ่งจำเป็นที่ทุกคนควรมีติดบ้านไว้ เพื่อให้รับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้อย่างปลอดภัยและทันเวลา

หัวข้อที่น่าสนใจในบทความนี้

1. การจัดกระเป๋าฉุกเฉิน (Emergency Go Bag)

2. การจัดเสบียงฉุกเฉิน (Emergency Supplies)

 

การจัดกระเป๋าฉุกเฉิน (Emergency Go Bag)

กระเป๋าฉุกเฉินคือกระเป๋าที่พร้อม “คว้าได้ทันที” เมื่อจำเป็นต้องอพยพ เช่น น้ำท่วมฉับพลัน ไฟไหม้ หรือแผ่นดินไหวที่ทำให้บ้านหรือที่อยู่อาศัยของเราไม่ปลอดภัยอีกต่อไป

ของที่ควรใส่ในกระเป๋าฉุกเฉิน

ของใช้จำเป็นต่อการมีชีวิตรอด 24–72 ชั่วโมงแรก ควรประกอบด้วย


1. กระเป๋าสำหรับใส่สิ่งของ

ควรเป็นกระเป๋าเป้สะพายหลังที่มีน้ำหนักเบา แต่แข็งแรงทนทานไม่ขาดง่าย ขนาดพอเหมาะไม่เป็นอุปสรรคเวลาที่ต้องขึ้นลงบันได หรือเดินในเส้นทางที่ยากลำบาก หากเป็นกระเป๋าที่กันน้ำ หรือสะท้อนน้ำ หรือมีผ้าครอบกันน้ำ จะยิ่งช่วยให้สะดวกเมื่อเจอกับสถานการณ์น้ำท่วมหรือฝนตกหนัก อย่างไรก็ตาม กระเป๋าที่กันน้ำได้บางประเภทเช่น กระเป๋า Ocean Pack อาจมีน้ำหนักมาก และสะพายได้ไม่สะดวก จึงควรโฟกัสที่น้ำหนักของกระเป๋าและรูปแบบของกระเป๋าเป็นหลัก

สำหรับผู้ที่มีสัตว์เลี้ยง อาจเตรียมอุปกรณ์ขนย้ายสัตว์เลี้ยงที่น้ำหนักเบาไว้ด้วย


2. เอกสารสำคัญ

  • สำเนาบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน หรือใบขับขี่ที่สามารถระบุตัวตนของเราได้
  • ข้อมูลผู้ติดต่อฉุกเฉิน
  • สำเนาบัตรประกันชีวิต หรือเอกสารที่เกี่ยวข้อง
  • รายละเอียดเกี่ยวกับโรคประจำตัว รายชื่อยารักษาโรค รายชื่อยา อาหาร หรือสิ่งอื่น ๆ ที่แพ้
  • สำเนาบัตรผู้ป่วย (ถ้ามี)
  • สำเนาหน้าสมุดบัญชีธนาคาร

เอกสารทั้งหมดไม่ควรเยอะจนเกินไป สามารถย่อให้มีขนาดพออ่านได้ และที่สำคัญ ต้องใส่ในซองกันน้ำ


3. เงินสด 

จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวในกรุงเทพฯ ล่าสุด หลาย ๆ คนพบว่าระบบสัญญาณอินเทอร์เน็ตล่ม ไม่สามารถติดต่อกับผู้อื่นได้ และมีปัญหาเมื่อต้องซื้อของด้วยการสแกนผ่านแอปฯ ของธนาคารต่าง ๆ ดังนั้น ควรเตรียมเงินสดเก็บไว้ในซองกันน้ำ เพื่อใช้ซื้อสิ่งของจำเป็น โดยมีเหรียญติดตัวไว้บ้าง เผื่อต้องใช้โทรศัพท์สาธารณะ 


4. อาหารและน้ำดื่ม

  • น้ำดื่มขั้นต่ำ 1 ลิตรต่อวันต่อคน
  • อาหารที่เก็บได้นาน เช่น อาหารซองแบบไม่ต้องอุ่น ถั่ว โปรตีนบาร์ หรือเอเนอร์จีบาร์ เป็นต้น ถ้าเป็นไปได้ควรเลือกอาหารที่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ในการรับประทาน หรือใช้ให้น้อยที่สุด และต้องน้ำหนักเบา
  • อาหารสำหรับผู้ที่อยู่ภายใต้การดูแล เช่น อาหารทารก อาหารสำหรับผู้ป่วย เป็นต้น
  • ควรเลือกอาหารและน้ำดื่มที่อยู่ในบรรจุภัณฑ์ที่ทนทานและกันน้ำ เพื่อไม่ให้แตกหัก หรือปนเปื้อนได้ง่าย 


5. ยาและอุปกรณ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้น

  • ยาประจำตัว เช่น ยาความดันโลหิตสูง ยาโรคหัวใจ ยาพ่นแก้หอบหืด เป็นต้น
  • ยาสามัญประจำบ้าน เช่น ยาแก้ปวด ยาแก้ท้องเสีย ยาแก้แพ้ ยาทาแก้ปวดเมื่อย ยาดม ยาทากันยุง เป็นต้น
  • อุปกรณ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้น เช่น ยาใส่แผล น้ำเกลือล้างแผล พลาสเตอร์ยา เป็นต้น
  • อุปกรณ์ป้องกันเชื้อโรค เช่น หน้ากากอนามัย เจลแอลกอฮอล์ เป็นต้น
  • ยาและอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่อาจเปียกน้ำจนเกิดความเสียหายได้ ควรใส่ไว้ในซองหรือกระเป๋ากันน้ำ


6. เสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัว

  • เสื้อผ้าสำรอง 1–2 ชุด
  • ชุดชั้นใน 1-2 ชุด
  • ถุงเท้า 1-2 คู่
  • อุปกรณ์ทำความสะอาดร่างกาย เช่น สบู่ กระดาษชำระแบบแห้งและเปียก ผ้าขนหนูผืนเล็ก แปรงสีฟันและยาสีฟัน เป็นต้น 
  • ผ้าห่มแบบฉุกเฉิน (Emergency Blanket) หรือเสื้อผ้ากันหนาวที่มีน้ำหนักเบา
  • เสื้อกันฝนหรือหมวกกันฝน
  • ผ้าอนามัย

เสื้อผ้าและของใช้ส่วนตัวที่อาจเปียกน้ำ ควรใส่ไว้ในซองหรือกระเป๋ากันน้ำ


7. อุปกรณ์สื่อสาร

  • โทรศัพท์มือถือสำรอง
  • Power bank ที่ชาร์จไว้จนเต็ม

ทั้งหมดควรใส่ไว้ในกระเป๋ากันน้ำเช่นกัน


8. อุปกรณ์เพื่อการเอาตัวรอดอื่น ๆ

  • ไฟฉาย + ถ่านสำรอง หรือไฟฉายชาร์จพลังงานแสงอาทิตย์ (ควรใส่ไว้ในซองกันน้ำ)
  • มีดพับอเนกประสงค์
  • เชือก
  • นกหวีด หรือพวงกุญแจเตือนภัยฉุกเฉิน สำหรับส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ
  • ถุงพลาสติกหรือถุงขยะ


ข้อควรระวังในการจัดกระเป๋าฉุกเฉิน

  • น้ำหนักต้องเบาพอแบกได้จริง โดยเฉพาะผู้สูงอายุและเด็ก
  • ตรวจเช็กของในกระเป๋า อย่างน้อยทุก 6 เดือน เช่น เช็กวันหมดอายุอาหาร–ยา และชาร์จ power bank ให้เต็มเสมอ
  • ควรวางไว้ในจุดที่ หยิบได้ทันที เช่น หลังประตูบ้านหรือข้างตู้รองเท้า
  • นอกจากกระเป๋าฉุกเฉินแล้ว ทุกคนควรมีรองเท้าผ้าใบหรือรองเท้าอื่น ๆ ที่ใส่สบาย และแข็งแรงติดบ้านไว้เสมอ เพื่อให้การอพยพเป็นไปด้วยความคล่องแคล่วและรวดเร็ว

 

การจัดเสบียงฉุกเฉิน (Emergency Supplies) 

เสบียงฉุกเฉินต่างจากกระเป๋าฉุกเฉินตรงที่ ใช้เมื่อต้องติดอยู่ในบ้านนาน ๆ เช่น น้ำท่วมสูง รถเข้าไม่ถึง ไฟดับยาว หรือพื้นที่ถูกตัดขาดจากความช่วยเหลือ โดยควรมีของใช้สำหรับดูแลตัวเองและสมาชิกทุกคนในบ้านได้ต่อเนื่อง 3–7 วัน

สิ่งของที่ควรเตรียมไว้สำหรับเป็นเสบียงฉุกเฉิน

รายชื่อสิ่งของด้านล่างนี้ เป็นของใช้เพิ่มเติม ที่ควรหาซื้อเผื่อไว้ สำหรับสิ่งของจำเป็นอื่น ๆ เช่น อาหาร ยา เสื้อผ้า และของใช้ส่วนตัว ส่วนใหญ่ทุกคนมักจะมีติดบ้านไว้อยู่แล้ว


1. อาหาร น้ำดื่ม และอุปกรณ์ทำอาหารแบบไม่ใช้ไฟฟ้า

  • น้ำดื่ม 3–5 ลิตรต่อคนต่อวัน สำหรับใช้ดื่ม ประกอบอาหาร หรือทำความสะอาดเล็กน้อยได้บ้าง อาจเตรียมเม็ดทำความสะอาดน้ำเพื่อดื่ม (Water Purification Tablets) เผื่อไว้ด้วย
  • อาหารแบบไม่ต้องแช่เย็น อุ่นร้อนได้ง่าย หรือทานได้ทันทีโดยไม่ต้องอุ่น เช่น อาหารกระป๋อง ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป นมแบบ UHT เป็นต้น โดยเตรียมอาหารให้เหมาะกับสมาชิกทุกคนในครอบครัว
  • อาหารแห้งสำหรับสัตว์เลี้ยง 
  • เตาแก๊สกระป๋อง + แก๊สสำรอง ใช้สำหรับอุ่นอาหาร


2. อุปกรณ์ให้แสงสว่าง

อาจเตรียมไฟฉายหรือโคมไฟพร้อมถ่านหรือแบตเตอรีสำรอง ในกรณีที่บ้านอยู่ในบริเวณที่ประสบภัยน้ำท่วมบ่อย ๆ แนะนำให้ใช้ไฟฉายหรือโคมไฟพลังงานแสงอาทิตย์แทน เนื่องจากอาจเกิดเหตุถ่านหรือแบตเตอรีเปียกน้ำจนไม่สามารถใช้งานได้


3. อุปกรณ์สื่อสาร

  • โทรศัพท์มือถือสำรอง
  • Power bank ความจุสูง
  • วิทยุพกพา เพื่อรับฟังข่าวสารในกรณีไฟดับ – โทรศัพท์ใช้ไม่ได้


4. อุปกรณ์ซ่อมแซมเบื้องต้น 

เช่น เทปพันสายไฟ เชือก มีดคัตเตอร์ ไขควง เป็นต้น ซึ่งมักเป็นอุปกรณ์ที่ผู้ที่อยู่บ้านเดี่ยวมักมีติดบ้านไว้อยู่แล้ว แต่ผู้ที่อาศัยอยู่ในอพาร์ทเมนต์หรือคอนโดมิเนียมอาจไม่เคยนึกถึง เนื่องจากมีช่างหรือพนักงานของสำนักนิติบุคคลที่คอยดูแลอยู่แล้ว ดังนั้น จึงควรจัดหาอุปกรณ์ดังกล่าวติดบ้านไว้บ้าง


5. อุปกรณ์สำหรับสุขอนามัยส่วนตัว

โดยปกติแล้ว ทุก ๆ บ้านมักมีอุปกรณ์ในหมวดนี้อยู่แล้ว อาจเพิ่มกระดาษชำระแบบเปียกและส้วมฉุกเฉินเอาไว้ ในกรณีที่อาจไม่มีน้ำสะอาดใช้ 


6. อุปกรณ์สำหรับส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ

เช่น นกหวีด หรือพวงกุญแจเตือนภัยฉุกเฉิน


ข้อควรระวังในการจัดเตรียมเสบียงฉุกเฉิน

  • ตรวจเช็กวันหมดอายุอาหารปีละครั้ง
  • ถ้าอยู่บ้านเดี่ยวในต่างจังหวัดที่ห่างไกล ควรมีน้ำสำรองเพิ่มขึ้นอีก 1–2 เท่า


อย่างไรก็ตาม ในกรณีน้ำท่วม ต้องเพิ่มความระมัดระวังในการจัดเตรียมเสบียงฉุกเฉิน โดยต้องนำสิ่งของทั้งหมดใส่ไว้ในกล่องเดียวกัน แล้วนำไปไว้ในที่สูง นอกจากนั้น สิ่งของจำเป็นที่อยู่นอกเหนือจากรายการเสบียงฉุกเฉินอย่างเสื้อผ้าและยารักษาโรคอาจจมน้ำหายไปได้ จึงควรจัดกระเป๋าหรือกล่องฉุกเฉินที่มีสิ่งของแบบเดียวกับการอพยพไว้อีกชุดหนึ่ง เพื่อเตรียมการสำหรับการใช้ชีวิตบนชั้นที่ 2 หรือชั้นที่สูงขึ้นของบ้าน หรือหลังคาบ้าน

ภัยพิบัติในประเทศไทยมีแนวโน้มเกิดถี่ขึ้น ทั้งแผ่นดินไหว น้ำท่วม ไฟป่า หรือเหตุสุดวิสัยอื่น ๆ ที่เราควบคุมไม่ได้ แต่สิ่งที่เราทำได้คือ “เตรียมตัวให้พร้อมที่สุด” เพื่อช่วยลดความกังวล และเมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นจริง ๆ ทั้งกระเป๋าฉุกเฉิน และเสบียงฉุกเฉินอาจช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา และช่วยให้ทุกคนกลับมาใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติได้โดยเร็วที่สุด

สิทธิพิเศษที่เกี่ยวข้อง

OCEAN CLUB APP ใช้ชีวิตดี๊ดี กับ OCHI COIN

OCEAN CLUB APP #HEALTHIVERSE

ฟีเจอร์ล่าสุด ให้คุณ TOP FORM ด้านสุขภาพ

QR Code Application
ดาวน์โหลดเลย
OCEAN CLUB APP

บอกข้อมูลสั้นๆ เกี่ยวกับตัวคุณ
เพื่อค้นหาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม

ฉันต้องการค้นหาเกี่ยวกับ