Negative Income Tax ยื่นภาษีแบบใหม่ คนทำงานต้องรู้อะไรบ้าง

negative income tax


ในปี 2570 รัฐบาลไทยมีแผนจะนำระบบ Negative Income Tax (ภาษีเงินได้เชิงลบ) มาใช้เป็นครั้งแรก โดยเปลี่ยนให้ประชาชนทุกคนต้องยื่นภาษีไม่ว่าจะมีรายได้ถึงเกณฑ์หรือไม่ก็ตาม แนวคิดนี้ไม่ได้เป็นเพียงการจัดเก็บภาษีรูปแบบใหม่เท่านั้น แต่ยังมีจุดมุ่งหมายในการลดความซ้ำซ้อนของโครงการช่วยเหลือและสวัสดิการต่าง ๆ ที่กระจัดกระจายอยู่หลายโครงการให้เหลือเพียงระบบเดียวที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และตรงกลุ่มเป้าหมายมากกว่าเดิม อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นให้แรงงานนอกระบบเข้าสู่ระบบภาษีมากขึ้น จะส่งผลให้รัฐบาลสร้างฐานข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อนำไปใช้วางแผนนโยบายและงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

จะเห็นได้ว่าการนำ Negative Income Tax มาใช้ในครั้งนี้ เป็นก้าวสำคัญที่ไม่เพียงแต่จะช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยโดยตรง แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการวางรากฐานระบบภาษีและสวัสดิการไทยในอนาคต ดังนั้น OCEAN LIFE ไทยสมุทรประกันชีวิต จึงอยากชวนทุกคนมารู้จัก Negative Income Tax ให้มากขึ้นกัน
 

Negative Income Tax คืออะไร ?

Negative Income Tax หรือ “ภาษีเงินได้เชิงลบ” เป็นแนวคิดด้านนโยบายภาษีและสวัสดิการสังคมที่ถูกเสนอโดยนักเศรษฐศาสตร์ชาวอเมริกันชื่อดัง Milton Friedman เพื่อแก้ปัญหาความยากจนและความเหลื่อมล้ำ โดยมีหลักการตรงไปตรงมาว่า

  • หากมีรายได้สูงกว่าระดับขั้นต่ำที่รัฐกำหนด → จะต้องเสียภาษีตามปกติ
  • หากมีรายได้ต่ำกว่าระดับขั้นต่ำที่รัฐกำหนด → ไม่ต้องเสียภาษี และรัฐจะจ่าย “เงินช่วยเหลือ” ให้
     

หลักการทำงานของ Negative Income Tax

ตามข้อเสนอของ Friedman ระบบ NIT มีองค์ประกอบ 2 ประการ ได้แก่

  1. เกณฑ์เงินได้ขั้นต่ำ (Income Threshold)
  2. อัตราการชดเชย (Rate of Subsidy)

หากสมมติให้ เกณฑ์เงินได้ขั้นต่ำอยู่ที่ 150,000 บาท/ปี และ อัตราการชดเชยอยู่ที่ 50% จะได้ตัวอย่างดังนี้

กรณีที่ 1: นาย A ไม่มีรายได้เลย → จะได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลจำนวน 150,000 × 50% = 75,000 บาท
กรณีที่ 2: นาย B มีรายได้ 100,000 บาท/ปี → น้อยกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำ 50,000 บาท จะได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลจำนวน 50,000 × 50% = 25,000 บาท
กรณีที่ 3: นาย C มีรายได้ 150,000 บาท/ปีพอดี → ไม่ได้รับเงินชดเชย และไม่ต้องเสียภาษี
กรณีที่ 4: นาย D มีรายได้เกินกว่า 150,000 บาท → ต้องเสียภาษีให้รัฐบาลตามอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่กฎหมายกำหนด

รายได้ต่อปี
(บาท)
เงินได้ส่วนที่ต่ำกว่าเกณฑ์
(สมมติเงินได้ขั้นต่ำคือ 150,000 บาท/ปี)
NIT หรือเงินโอนจากรัฐบาล
คำนวณจากส่วนต่างที่ต่ำกว่าเกณฑ์
(สมมติรัฐบาลช่วยเหลือ 50%)
0 150,000 75,000
100,000 50,000 25,000
150,000 0 0


ข้อดีของ Negative Income Tax

สามารถเพิ่มจำนวนคนให้เข้าสู่ระบบภาษีได้มากขึ้น โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย ที่จะได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาล ส่งผลให้ความเหลื่อมล้ำทางรายได้ในสังคมลดลง ซึ่งหากในอนาคต คนกลุ่มนี้มีรายได้เพิ่มขึ้นจนถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษีแล้ว รัฐบาลก็จะสามารถจัดเก็บภาษีได้ทันที เปิดโอกาสให้มีการใช้ภาษีพัฒนาประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรัฐบาลยังตรวจสอบข้อมูลเส้นทางภาษีของประชาชนได้ง่าย และโปร่งใสมากยิ่งขึ้น
 

ข้อจำกัดของ Negative Income Tax

อาจเปิดช่องให้คนบางกลุ่มไม่พยายามทำงานเพื่อสร้างรายได้เพิ่ม เพราะกลัวว่าจะไม่ได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาล ซึ่งหากคนกลุ่มนี้มีจำนวนมาก รัฐบาลอาจต้องใช้งบประมาณในการช่วยเหลือมากกว่าที่คิด จนส่งผลกระทบในภายหลังได้
 

Negative Income Tax กับประเทศไทย

แม้ประเทศไทยยังไม่ได้ใช้ระบบ Negative Income Tax หรือภาษีเงินได้เชิงลบอย่างเป็นทางการ แต่แนวคิดนี้ใกล้เคียงกับโครงการสวัสดิการต่าง ๆ เช่น บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือเงินอุดหนุนประชาชนในช่วงวิกฤติ หากในอนาคตมีการนำ Negative Income Tax มาปรับใช้จริงจะส่งผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนโดยตรง จึงเป็นประเด็นที่คนทำงานและผู้เสียภาษีควรติดตาม

ไม่ว่าจะรัฐบาลจะกำหนดให้ใช้นโยบาย Negative Income Tax หรือไม่ เราก็สามารถเตรียมตัวกับนโยบายนี้ได้ด้วยการจัดการภาษีของตัวเองตั้งแต่เนิ่น ๆ หากเรามีแนวโน้มที่จะต้องเสียภาษี ก็สามารถซื้อประกันชีวิต เพื่อลดหย่อนภาษีได้

 

สนใจทำประกันชีวิตเพื่อลดหย่อนภาษี คลิกคลิก

 

สิทธิพิเศษที่เกี่ยวข้อง

OCEAN CLUB APP ใช้ชีวิตดี๊ดี กับ OCHI COIN

OCEAN CLUB APP #HEALTHIVERSE

ฟีเจอร์ล่าสุด ให้คุณ TOP FORM ด้านสุขภาพ

QR Code Application
ดาวน์โหลดเลย
OCEAN CLUB APP

บอกข้อมูลสั้นๆ เกี่ยวกับตัวคุณ
เพื่อค้นหาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม

I want to search about