เมื่อฤดูฝนมาเยือน โรคภัยต่าง ๆ ก็มักตามมาด้วย โดยเฉพาะโรคที่เกิดจากไวรัสและแบคทีเรียที่แพร่กระจายได้ง่าย ในสภาพอากาศแบบนี้ การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม หนึ่งในวิธีป้องกันที่ได้ผลคือการฉีดวัคซีน ให้พร้อมก่อนโรคจะมาเยือน บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ 4 วัคซีนสำคัญ ได้แก่ วัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออก ไข้หวัดใหญ่ ปอดอักเสบ และไวรัสตับอักเสบเอ
โรคไข้เลือดออก — วัคซีนคิวเดงกา Qdenga Vaccine
โรคไข้เลือดออกเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี (Dengue Virus) โดยมียุงลายเพศเมียเป็นพาหะนำโรคจากผู้ป่วยที่ติดเชื้อ ไปสู่คนอื่น ๆ หลังจากที่ถูกยุงกัดแล้ว 3 - 15 วัน อาการของโรคไข้เลือดออกจะเริ่มปรากฏหลังจากถูกกัดประมาณ 3 - 15 วัน
โรคไข้เลือดออก มักพบในประเทศเขตร้อนและระบาดในช่วงฤดูฝนของทุกปี อาการมีตั้งแต่ไม่รุนแรงไปจนถึงเสียชีวิตได้ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที โดยส่วนใหญ่ผู้ป่วยมักมีไข้สูงเกิน 38.5 องศา และไม่ตอบสนองต่อยาลดไข้ นอกจากนั้น ยังมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย แต่สิ่งที่จะทำให้แยกไข้เลือดออกออกจากไข้หวัดประเภทต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น คือ ผื่นหรือจุดเลือดออกตามลำตัว แขน และขา โดยอาการเหล่านี้จะมีระยะเวลาประมาณ 2 - 7 วัน
ซึ่งหากไม่ได้สังเกต หรืออาการดังกล่าวไม่ชัดเจน ผู้ป่วยอาจเข้าสู่ภาวะวิกฤตได้อย่างไม่รู้ตัว โดยไข้จะลดลงอย่างรวดเร็ว มีภาวะเลือดออกผิดปกติ เนื่องจากมีเกร็ดเลือดต่ำ ชีพจรเต้นเร็วแต่เบา พร้อม ๆ กับที่เกิดภาวะช็อก ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วย เสียชีวิตได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว เนื่องจากภาวะนี้จะกินเวลาแค่ 24 - 48 ชั่วโมงเท่านั้น
วัคซีนคิวเดงกา
วัคซีนคิวเดงกา เป็นวัคซีนเชื้อเป็น* ที่สามารถป้องกันเชื้อไวรัสเดงกีสายพันธุ์ที่ 1 และ 2 ได้ดี ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่พบมาก และเป็นส่วนใหญ่ของประเทศไทยได้ และยังช่วยลดความเสี่ยงในการป่วยหนักจนต้องนอนโรงพยาบาล
การฉีดวัคซีนคิวเดงกา สามารถทำได้ทั้งในผู้ที่เคยเป็นและไม่เคยเป็นโรคไข้เลือดออกมาก่อน โดยฉีดได้ในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 4 ปีขึ้นไป
โรคไข้หวัดใหญ่ — วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ Influenza Vaccine
เกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่ระบบทางเดินหายใจแบบเฉียบพลัน โดยโอกาสในการรับเชื้อมีหลายแบบ เช่น ได้รับเชื้อที่ปนเปื้อน อยู่ในอากาศจากการไอ จาม พูดของผู้ป่วย หรือได้รับเชื้อจากการสัมผัสฝอยละอองน้ำมูก น้ำลายของผู้ป่วย รวมถึงการสัมผัสกับพื้นผิวที่มีเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ แล้วมาสัมผัสกับจมูกและปาก ของตนเอง
เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่มี 3 ชนิด คือ
- เชื้อไวรัสสายพันธุ์ A ก่อให้เกิดการระบาดเป็นวงกว้างทั่วโลก โดยแบ่งออกเป็นสายพันธุ์ย่อยได้อีก
- เชื้อไวรัสสายพันธุ์ B ก่อให้เกิดการระบาดในระดับภูมิภาค โดยแบ่งออกเป็นหลายตระกูล
- เชื้อไวรัสสายพันธุ์ C ไม่ก่อให้เกิดการระบาด และมักไม่แสดงอาการ หรือแสดงอาการไม่มาก
เมื่อติดเชื้อในทางเดินหายใจส่วนบนแล้ว จะทำให้มีไข้สูง ไอ น้ำมูก คัดจมูก จาม มีอาการปวดเมื่อยตามตัว และอ่อนเพลีย
วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์
เป็นวัคซีนเชื้อตายที่ใช้ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ โดยใช้เวลา 2 สัปดาห์ในการสร้างภูมิคุ้มกันช่วยป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ได้ประมาณ 1 ปี จึงควรฉีดเป็นประจำทุกปี โดยเฉพาะเด็กเล็ก, ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น หอบหืด โรคหัวใจ โรคตับ โรคเบาหวาน โรคปอดเรื้อรัง โรคไต ภูมิคุ้มกันบกพร่อง เป็นต้น โดยเฉพาะ หญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป, ผู้สูงอายุ, ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน, ผู้ที่ต้องเดินทางไปในพื้นที่ที่มีการระบาด เป็นต้น
สำหรับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ ให้การป้องกันเชื้อไวรัส ดังนี้
- เชื้อไวรัสสายพันธุ์ A จำนวน 2 สายพันธุ์ย่อย ได้แก่ H1N1 และ H3N2
- เชื้อไวรัสสายพันธุ์ B จำนวน 2 ตระกูล ได้แก่ Yamagata และ Victoria
โรคปอดอักเสบ — วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัส
(Pneumococcal conjugate vaccine และ Pneumococcal polysaccharide vaccine)
โรคปอดอักเสบหรือปอดบวมที่พบได้บ่อยที่สุดมักเป็นชนิดติดเชื้อ เกิดจากการหายใจเอาเชื้อที่อยู่ในอากาศในรูปละอองฝอย ขนาดเล็กเข้าสู่ปอดโดยตรง มีโอกาสเป็นได้ทั้งเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส และเชื้อรา เมื่อเชื้อโรคเข้าสู่ปอด จะทำให้ถุงลม และเนื้อเยื่อโดยรอบอักเสบ ส่งผลให้ผู้ป่วยไอ มีเสมหะ เจ็บหน้าอกขณะหายใจหรือไอ หายใจลำบาก มีไข้ หนาวสั่น คลื่นไส้ และอ่อนเพลียมาก โดยเฉพาะเด็กเล็กและผู้สูงอายุ อาการอาจหนักกว่าผู้ป่วยวัยผู้ใหญ่
นอกจากการติดเชื้อจากการหายใจเอาละอองฝอยเข้าสู่ปอดแล้ว ผู้สูงอายุยังมีโอกาสติดเชื้อจากการสำลักอาหาร น้ำ หรือน้ำลาย ทำให้เชื้อที่สะสมบริเวณทางเดินหายใจส่วนบนลงสู่ปอดอีกด้วย ดังนั้น กลุ่มผู้สูงอายุและเด็กเล็ก จึงเป็นกลุ่มที่ควรฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคปอดอักเสบ
วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัส
ในปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันโรคปอดอักเสบอยู่ 2 ชนิด ซึ่งเป็นชนิดเชื้อตาย ได้แก่
- Pneumococcal conjugate vaccine (PCV10, PCV13, PCV15 และ PCV20) ครอบคลุมเชื้อ 10, 13, 15, และสูงสุด 20 สายพันธุ์ ซึ่งแพทย์จะพิจารณาให้ฉีดตามความเหมาะสม โดยในเด็กเล็กจะฉีดให้ได้แค่ชนิด 10, 13, และ 15 สายพันธุ์เท่านั้น ส่วนผู้ใหญ่มักใช้ชนิด 13 สายพันธุ์ขึ้นไป
- Pneumococcal polysaccharide vaccine (PPSV23) ครอบคลุม 23 สายพันธุ์ ส่วนใหญ่มักใช้กับผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปที่เคยได้รับวัคซีนชนิด 13 หรือ 15 สายพันธุ์มาก่อนแล้ว ซึ่งต้องฉีดห่างกันอย่างน้อย 1 ปี แต่ถ้าเคยฉีดชนิด 20 สายพันธุ์มาแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนนี้เพิ่มอีก
โรคไวรัสตับอักเสบเอ — วัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบเอ (Hepatitis A vaccine)
โรคไวรัสตับอักเสบมีหลายชนิดด้วยกัน ขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อไวรัสที่ได้รับ ซึ่งมีทั้งการติดต่อกันทางเลือดหรือสารคัดหลั่ง และจากการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่มีเชื้อไวรัสปะปนอยู่ ซึ่งสาเหตุของโรคไวรัสตับอักเสบเอนั้น มักเกิดจากการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่มีเชื้อไวรัสปะปนอยู่ และมักมีผู้ป่วยมากในช่วงหน้าฝน เนื่องจากอาหารและน้ำ อาจปนเปื้อนเชื้อโรคจากน้ำฝนได้
อ่านรายละเอียดเกี่ยวกับไวรัสตับอักเสบแบบต่าง ๆ ได้ที่นี่
อาการของโรคไวรัสตับอักเสบเอ ได้แก่ เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน เจ็บชายโครงขวา ตัวเหลือง ตาเหลือง จนอาจทำให้ตับวายได้ในที่สุด ดังนั้น ผู้ที่ยังไม่มีภูมิคุ้มกันต่อโรค เด็กอายุ 1 ปีขึ้นไป ผู้ที่มีอาชีพเสี่ยงต่อการรับ และแพร่กระจายของโรค เช่น ผู้ประกอบอาหาร สถานเลี้ยงเด็ก บุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงผู้ที่ต้องเดินทางไปในพื้นที่ ที่มีการระบาด เป็นต้น จึงควรฉีดวัคซีนป้องกัน
วัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบเอ
วัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบเอเป็นวัคซีนเชื้อตายที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย ใช้ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ 2 ครั้ง ห่างกัน 6-12 เดือน
แม้จะฉีดวัคซีนแล้ว แต่สำหรับบางโรคอย่างไข้หวัดใหญ่ วัคซีนอาจไม่สามารถป้องกันคุณได้ 100% จึงควรทำประกันสุขภาพ เพราะหากเจ็บป่วยจนต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล อาจมีค่าใช้จ่ายไม่น้อยเลย
ประกันสุขภาพโอเชี่ยนไลฟ์ เอ็นจอย เฮลท์ เอ็กซ์ตร้า ให้ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลแบบเหมาจ่ายตามจริง ครอบคลุมค่าห้องพักเดี่ยวมาตรฐาน เมื่อต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล
สนใจอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก
ข้อควรทราบ :
* วัคซีนเชื้อเป็น หมายถึง วัคซีนที่นำเชื้อมาทำให้อ่อนแรงจนไม่สามารถก่อโรคได้ แต่สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้
- โอเชี่ยนไลฟ์ เอ็นจอย เฮลท์ เอ็กซ์ตร้า เป็นชื่อทางการตลาดของสัญญาเพิ่มเติมคุ้มครองสุขภาพเอ็นจอย เฮลท์ เอ็กซ์ตร้า (Enjoy Health Extra)
- ห้องพักเดี่ยวมาตรฐาน หมายถึง ห้องพักเดี่ยวราคาเริ่มต้นของโรงพยาบาล
- การรับประกันภัยเป็นไปตามเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ที่บริษัทฯ กำหนด
- ความคุ้มครองและการจ่ายผลประโยชน์ต่าง ๆ เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์
- สัญญาเพิ่มเติม/บันทึกสลักหลังมีระยะเวลาเอาประกันภัย 1 ปี ผู้เอาประกันภัยอาจขอต่ออายุสัญญาเพิ่มเติม/บันทึกสลักหลังได้ภายใต้เงื่อนไขสัญญาเพิ่มเติม ทั้งนี้ สำหรับปีต่ออายุ อาจมีการเปลี่ยนแปลงเบี้ยประกันภัย หรือให้ผู้เอาประกันภัยมีค่าใช้จ่ายร่วม (Copayment) ขึ้นอยู่กับอายุ ชั้นอาชีพ ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่สูงขึ้น หรือจากประสบการณ์การจ่ายค่าสินไหมทดแทน ตามเงื่อนไข และหลักเกณฑ์ของบริษัท
- ค่าใช้จ่ายร่วม (Copayment) หมายถึง ความรับผิดระหว่างบริษัทประกันภัยและผู้เอาประกันภัยที่ต้องร่วมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล อันจะพึงจ่ายตามจำนวนเงินผลประโยชน์ภายหลังหักจำนวนความรับผิดส่วนแรก (ถ้ามี)
- ข้อมูลในเอกสารนี้เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นของผลิตภัณฑ์ประกันภัย ผู้ขอเอาประกันภัย/ผู้เอาประกันภัยควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม และทำความเข้าใจในรายละเอียดเงื่อนไขความคุ้มครอง ผลประโยชน์ และข้อยกเว้น ก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง เมื่อได้รับกรมธรรม์แล้วโปรดศึกษาเพิ่มเติม