
เมื่อถึงวัยเกษียณ หนึ่งในรายได้สำคัญของมนุษย์เงินเดือน คือ “เงินบำนาญชราภาพจากประกันสังคม” ที่ช่วยให้มีหลักประกันในวันที่ไม่ได้ทำงานแล้ว แม้ว่าจะไม่ได้มากมายนักก็ตามหากคำนวณตามสูตรที่เคยใช้กันมาหลายต่อหลายปี แต่ในปี 2569 นี้ สำนักงานประกันสังคมจะใช้การคำนวณบำนาญชราภาพ “สูตร CARE” เพื่อให้การคำนวณเงินบำนาญสะท้อนรายได้จริงตลอดชีวิตการทำงาน
มาทบทวนความรู้เกี่ยวกับเงินบำนาญชราภาพจากประกันสังคม พร้อมทำความรู้จักกับการคำนวณบำนาญสูตรใหม่กัน
ส่วนใครที่อยากทบทวนเกี่ยวกับสิทธิรักษาพยาบาลประกันสังคม ดูได้ที่บทความนี้เลย
เงินบำนาญประกันสังคม คืออะไร ใครได้บ้าง
เงินบำนาญประกันสังคม หรือบำนาญชราภาพประกันสังคม คือ เงินเลี้ยงชีพรายเดือน ที่สำนักงานประกันสังคมจ่ายให้ผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 โดยเริ่มต้นเมื่อเกษียณอายุ ไปจนตลอดชีวิตที่เหลือของผู้ประกันตน กรณีผู้ประกันตนเสียชีวิตภายใน 60 เดือน นับแต่เดือนที่รับบำนาญชราภาพเดือนแรก ทายาทจะได้รับเงินบำเหน็จชราภาพเป็นจำนวนเท่ากับจำนวนเงินบำนาญชราภาพที่ได้รับเดือนสุดท้าย คูณด้วยจำนวนเดือนที่เหลือหลังจากผู้รับเงินบำนาญชราภาพเสียชีวิตจนครบ 60 เดือน
สิทธิเงินบำนาญชราภาพประกันสังคม จะครอบคลุมทั้งผู้ประกันตนสัญชาติไทย และผู้ประกันตนต่างด้าวด้วย แต่ผู้ประกันตนต่างด้าว ต้องยืนยันการมีชีวิตอยู่ต่อสำนักงานประกันสังคมทุกปี เพื่อรับสิทธิบำนาญชราภาพอย่างต่อเนื่อง
เงื่อนไขการได้รับเงินบำนาญชราภาพจากประกันสังคม
- อายุ 55 ปีขึ้นไป
- ความเป็นผู้ประกันตนสิ้นสุดลง
- ต้องส่งเงินสมทบประกันสังคมมาไม่น้อยกว่า 180 เดือน (15 ปี) (กรณีส่งเงินสมทบไม่ครบ 180 เดือน จะได้เป็นเงินบำเหน็จชราภาพในรูปแบบเงินก้อนเดียวแทน)
การคำนวณบำนาญประกันสังคมสูตรใหม่ (CARE)
สูตรคำนวณบำนาญแบบใหม่ CARE หรือ Career-Average Revalued Earnings จะเน้นที่การคำนวณเงินเดือนเฉลี่ยตลอดการทำงาน โดยปรับค่าจ้างในอดีตให้สอดคล้องกับค่าเงินในปัจจุบันด้วยแต้มบำนาญ ซึ่งจะทำให้ผู้ประกันตนได้รับเงินบำนาญที่เป็นธรรมมากขึ้น แตกต่างจากการคำนวณเงินบำนาญแบบเก่า ที่จะคำนวณโดยใช้เงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้ายก่อนเกษียณ ส่งผลให้ผู้ประกันตนที่ได้รับค่าจ้างน้อยลงในช่วง 5 ปีก่อนเกษียณอายุ แต่ได้รับค่าจ้างก่อนหน้านั้นสูง และผู้ที่ส่งเงินสมทบมาตรา 39 ในช่วง 5 ปีสุดท้าย แต่ก่อนหน้านั้นเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 ได้รับเงินบำนาญอย่างไม่เป็นธรรม
ตารางเปรียบเทียบการคำนวณบำนาญชราภาพแบบเก่าและแบบใหม่
| สูตรคำนวณบำนาญ | เงินเดือนที่ใช้คำนวณ | การนับระยะเวลาที่ส่งเงินสมทบ |
| สูตรเดิม | เงินเดือนเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้าย (5 ปี) ก่อนเกษียณ | เงินเดือนเฉลี่ยทุกเดือนที่ส่งเงินสมทบ ตลอดการทำงาน |
| สูตร CARE | นับเป็น “ปี” ไม่คิดเศษเดือน | นับ “เศษเดือน” ด้วย |
อย่างไรก็ตาม หลาย ๆ คนที่เกษียณอายุ และได้รับเงินบำนาญอยู่ในขณะนี้ กังวลว่าเมื่อคำนวณด้วยสูตร CARE แล้ว จะได้รับเงินบำนาญชราภาพน้อยลงทุกคน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ส่วนใหญ่ผู้ประกันตนจะได้เงินบำนาญมากขึ้น หรือใกล้เคียงจากเดิม ส่วนผู้ที่คำนวณแล้วได้เงินบำนาญลดลงจะมีเพียงแค่กลุ่มเดียวเท่านั้น และยังมีกลุ่มที่ได้รับเงินชดเชยด้วย
กลุ่มที่ได้เงินบำนาญชราภาพเพิ่มมากขึ้น
- กลุ่มที่ส่งเงินสมทบมาตรา 33 มานานเป็น 10 ปี แล้วมาส่งเงินสมทบมาตรา 39 ในช่วง 5 ปีสุดท้าย
- กลุ่มที่ได้เงินเดือนเยอะมาตลอด แต่ในช่วง 5 ปีสุดท้ายได้เงินเดือนลดลงมาก
- กลุ่มที่ส่งเงินสมทบครบ 15 ปีแล้ว แต่ออกไปทำงานนอกระบบจนเกษียณ ถ้าเป็นสูตรเดิมที่คำนวณจากเงินเดือน 60 เดือนสุดท้ายก่อนออกจากระบบโดยไม่คำนึงถึงค่าเงินและฐานค่าจ้างที่เปลี่ยนไป ทำให้เมื่ออายุ 55 ปี ได้เงินบำนาญไม่เป็นธรรม แต่หากคำนวณด้วยสูตรใหม่ คนกลุ่มนี้จะได้เงินบำนาญมากขึ้นจากการปรับค่าจ้างในอดีตให้สอดคล้องกับค่าเงินในปัจจุบันด้วยแต้มบำนาญ
กลุ่มที่ได้เงินบำนาญชราภาพใกล้เคียงจำนวนเดิม
กลุ่มที่มีฐานเงินเดือนเกิน 15,000 บาทมาเป็นระยะเวลานาน แล้วส่งเงินสมทบเต็มเพดานเท่าเดิมมาตลอด
กลุ่มที่ได้เงินบำนาญชราภาพน้อยกว่าเดิม
กลุ่มที่เงินเดือนในอดีตต่ำเป็นระยะเวลานานมาก เช่น 4,000 – 5,000 บาท แต่ก้าวกระโดดช่วง 5 ปีสุดท้ายก่อนเกษียณ สูตรบำนาญใหม่จะคิดจากฐานค่าเงินเดือนตลอดอายุการส่งเงินสมทบ (ไม่ได้คิดแค่ 5 ปีสุดท้ายแบบสูตรเดิม) จึงอาจทำให้บำนาญน้อยลง ซึ่งสอดคล้องกับการส่งเงินสมทบจริง
กลุ่มที่ได้รับการชดเชย
กลุ่มคนใกล้เกษียณในช่วงระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน 5 ปีหลังเริ่มบังคับใช้สูตรใหม่ CARE (ปี 2568-2573) โดยประกันสังคมจะคำนวณบำนาญให้ทั้ง 2 สูตร หากพบว่าสูตรบำนาญเก่าได้มากกว่า ก็จะชดเชยส่วนต่างให้
ตัวอย่างการคำนวณบำนาญชราภาพประกันสังคมสูตร CARE
ในบทความนี้ จะคำนวณบำนาญชราภาพสูตร CARE สำหรับผู้ประกันตนที่จะได้รับเงินบำนาญชราภาพตั้งแต่ปี 2574 ขึ้นไปเท่านั้น
ก่อนอื่น ต้องคิดแต้มบำนาญก่อน !
แต้มบำนาญ = ค่าจ้างที่ส่งเงินสมทบในเดือนนั้น ๆ ÷ ค่าจ้างเฉลี่ยของผู้ประกันตนทั้งระบบ ณ เดือนนั้น
- ถ้าค่าจ้างของคุณ เท่ากับ ค่าจ้างเฉลี่ยของผู้ประกันตนทั้งระบบ → ได้ 1 แต้ม
- ถ้าค่าจ้างของคุณ มากกว่า ค่าจ้างเฉลี่ยของผู้ประกันตนทั้งระบบ → ได้มากกว่า 1 แต้ม
- ถ้าค่าจ้างของคุณ น้อยกว่า ค่าจ้างเฉลี่ยของผู้ประกันตนทั้งระบบ → ได้น้อยกว่า 1 แต้ม
จากนั้นคำนวณบำนาญชราภาพด้วยสูตร CARE
อัตราบำนาญ (คิดเศษเดือน) × ฐานค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้ายของผู้ประกันตนทั้งระบบ × แต้มบำนาญ (ค่าเฉลี่ยของทุกเดือน) = เงินบำนาญที่ได้ต่อเดือน
เช่น นาง O เป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 และส่งเงินสมทบครบ 180 เดือนพอดี (อัตราบำนาญ 20%) ในช่วงที่นาง O เกษียณอายุ ฐานค่าจ้างเฉลี่ย 60 เดือนสุดท้ายของผู้ประกันตนทั้งระบบคือ 12,000 บาท นาง O มีแต้มบำนาญ 4 แต้ม
นาง O จะได้รับเงินบำนาญ ดังนี้
20% × (12,000 × 4) = 9,600 บาท
มีเงินบำนาญชราภาพจากประกันสังคมแล้ว ควรทำประกันบำนาญหรือไม่
แม้ว่าการคำนวณบำนาญชราภาพสูตร CARE จะทำให้คนส่วนใหญ่ได้รับเงินบำนาญมากกว่าการคำนวณสูตรเดิม แต่ก็ยังน้อยกว่ารายได้ต่อเดือนที่หลาย ๆ คนเคยได้รับอยู่ดี ดังนั้น หากมีประกันบำนาญ ก็จะทำให้มีรายได้เพิ่มอีกทาง ช่วยให้การเงินในช่วงเกษียณมั่นคงขึ้นได้
สนใจทำประกันบำนาญ รีไทร์ เรดดี้ 85/55 คลิก
ข้อควรทราบ :
- การรับประกันภัยเป็นไปตามเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ที่บริษัทฯ กำหนด
- ความคุ้มครองและการจ่ายผลประโยชน์ต่าง ๆ เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์
- เบี้ยประกันชีวิต สามารถนำไปอ้างอิงลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามหลักเกณฑ์ที่กรมสรรพากรกำหนด
- ผู้เอาประกันภัยที่ประสงค์จะนำเบี้ยประกันชีวิต ไปอ้างอิงลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ต้องแจ้งความประสงค์และยินยอมให้บริษัทฯ นำส่งข้อมูลเบี้ยประกันชีวิต ให้กรมสรรพากร
- การนำส่งเบี้ยประกันภัยเป็นหน้าที่ของผู้เอาประกันภัย การที่ที่ปรึกษาประกันชีวิต (ตัวแทนประกันชีวิต) มาเก็บเบี้ยประกันภัยเป็นการให้บริการเท่านั้น
- ข้อมูลในเอกสารนี้เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นของผลิตภัณฑ์ประกันภัย ผู้ขอเอาประกันภัย/ผู้เอาประกันภัยควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม และทำความเข้าใจในรายละเอียดเงื่อนไขความคุ้มครอง ผลประโยชน์ และข้อยกเว้น ก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง เมื่อได้รับกรมธรรม์แล้วโปรดศึกษาเพิ่มเติม
อ้างอิง :
https://policywatch.thaipbs.or.th/
https://www.kasikornbank.com/
ไทยมีงานทำ.doe.go.th